Background inspection of truck tyres Help and Advice
Inspection des pneus sur un camion
ยางรถยนต์และยางรถบรรทุกระเบิดเกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันอย่างไรได้บ้าง
ไม่ว่าคุณจะขับรถกระบะหรือรถตู้คันเก่งไปกับครอบครัวว หรือเป็นคนที่ต้องขับรถบรรทุกไปส่งของยังสถานที่ต่างๆ เมื่อใดที่ยางรถเกิดการระเบิดขึ้นมา นั่นถือว่าอันตรายและอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้ สาเหตุของยางระเบิดไม่ได้เกิดการใช้งานหนักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยที่หลายคนอาจมองข้ามไป เช่น ไม่ได้ดูแลยาง หรือแรงดันลมยางไม่เหมาะสม การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับตัวคุณ
สาเหตุที่ทำให้ยางระเบิดเกิดจากอะไรบ้าง
ใครที่ขับรถเป็นประจำทุกวัน คงเคยพบเห็นเหตุการณ์ยางรถระเบิดต่อหน้าผ่านตามาบ้าง จนหลายครั้งก็ทำให้เผลอคิดเล่นๆ ว่าถ้ารถของเราเกิดยางระเบิดขึ้นมาจะอันตรายแค่ไหน รวมถึงต้องรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร วันนี้มิชลินจะพาคุณไปทำความเข้าใจให้มากขึ้นเอง
3 สาเหตุหลักที่ทำให้ยางระเบิด
1. แรงดันลมยางที่ไม่เหมาะสม
เติมลมยางน้อยเกินไป เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดโดยเฉพาะคนทั่วไปที่ขับรถอย่างเดียวและไม่ค่อยได้ตรวจวัดระดับแรงดันลมยาง เพราะว่าเมื่อลมยางอ่อนจะทำให้ยางเสียรูปทรงขณะขับขี่ เกิดการบิดตัวมากเกินไป ทำให้โครงสร้างยางภายในเกิดความร้อนสะสมอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การระเบิดในที่สุด
อัดลมยางมากจนเกินไป เมื่อใดที่ลมยางแข็งเกินกว่าค่าที่เหมาะสมกับรถกระบะหรือรถตุ้คันนั้นๆๆ ก็จะทำให้ยางสัมผัสกับพื้นผิวถนนน้อยลงและไม่สามารถยืดหยุ่นเพื่อรองรับแรงกระแทกได้ดี เมื่อขับขี่บนถนนที่ไม่เรียบหรือตกหลุมอย่างรุนแรง ก็มีโอกาสทำให้ยางถูกกระแทกจนเสี่ยงที่จะระเบิดได้
2. บรรทุกเกินกว่าน้ำหนักที่กำหนด
สำหรับผู้ใช้รถทั่วไป การบรรทุกสัมภาระหรือผู้โดยสารเกินจากที่กำหนดจะเพิ่มภาระให้กับยาง จนยางต้องทำงานหนักขึ้นและเกิดความร้อนสะสม ซึ่งอาจทำให้ยางระเบิดได้เช่นกัน นอกจากนี้ หากเจ้าของรถเลือกใช้ยางรถยนต์ที่มีดัชนีรับน้ำหนักบรรทุก (Load Index) ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่ระบุไว้ในคู่มือประจำรถ ก็ถือว่าเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงที่ยางจะเกิดระเบิดมากขึ้น
สำหรับผู้ประกอบการที่ใช้รถบรรทุก เมื่อใดที่มีการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นั่นส่งผลให้ความเสี่ยงที่ยางจะเกิดระเบิดเพิ่มขึ้น เพราะน้ำหนักที่มากขึ้นจะทำให้ยางต้องรับภาระมากกว่าปกติถึง 2-3 เท่า เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของยางระเบิดในรถบรรทุก รถบัส หรือแม้แต่รถพ่วงที่ขนส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก
3. ยางได้รับความเสียหาย
ยางมีรอยบาดหรือรอยปูด ไม่ว่าใครก็คงเลี่ยงการขับขี่บนถนนที่มีเศษแก้ว, หินแหลมคม หรือการชนเข้ากับขอบฟุตบาทได้ยากมาก เพราะอาจทำให้โครงสร้างยางภายในเสียหายและเกิดรอยปูดขึ้นมา จนทำให้ยางระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อนหรือแรงกระแทก
ยางเก่าและเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะยางที่มีอายุการใช้งานนานๆ จะทำให้เนื้อยางแข็ง แห้ง และมีรอยแตกลายงา ส่งผลต่อความสามารถในการยืดหยุ่นที่ลดลงอย่างมาก และไม่สามารถรับแรงกระแทกได้ดีเท่าที่ควร
full trailer truck on road
White truck driving on the road lined with deciduous trees with a star shining rays of the sun.
หากขับรถแล้วยางแตกขึ้นมาจะมีอาการแบบไหน ควรรับมืออย่างไร
ทันทีที่ยางเกิดระเบิดขึ้นในขณะขับขี่ นั่นอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้หากผู้ขับขี่ตื่นตระหนกและไม่รู้วิธีรับมือที่ถูกต้อง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำความเข้าใจอาการเบื้องต้นและการแก้ไขสถานการณ์อย่างถูกวิธีถึงสำคัญอย่างมาก
5 อาการที่บ่งบอกว่ายางรถของคุณกำลังรั่วหรือระเบิด
ลองมาดู 5 อาการที่จะเกิดขึ้นเมื่อยางรถของคุณเกิดการระเบิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่คุณรู้สึกได้จะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งของยางที่ระเบิดและความเร็วที่ขับขี่อยู่ในขณะนั้น
เสียงดังผิดปกติ
สิ่งแรกที่มักจะเกิดขึ้นคือเสียงระเบิดดัง "ปัง" หรือ "ฟุบ" อย่างกะทันหัน ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดจากลมยางที่รั่วออกจากยางอย่างรวดเร็ว
รถเริ่มเสียการทรงตัว
-
ยางหน้าแตก: รถจะพุ่งไปในทิศทางเดียวกับยางที่แตก พวงมาลัยจะหนักและสะบัดอย่างรุนแรง ทำให้ควบคุมรถได้ยาก
-
ยางหลังแตก: ท้ายรถจะสะบัดไปมา พร้อมกับรู้สึกว่ารถมีอาการยวบและโคลงเคลงคล้ายอาการท้ายปัด
พวงมาลัยสั่น
ไม่ว่าจะเป็นยางหน้าหรือยางหลังแตก พวงมาลัยจะเกิดอาการสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด
ความเร็วลดลงผิดปกติ
รถจะสูญเสียความเร็วอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะยังเหยียบคันเร่งอยู่ก็ตาม
รถเอียง
หากมองจากกระจกข้างหรือกระจกมองหลัง จะเห็นว่ารถเอียงลงไปด้านเดียวกับยางที่ระเบิด
Background hero image effitires people People transport
Entretien d'un autobus
วิธีรับมือเมื่อรถเกิดยางแตกแบบถูกวิธีและปลอดภัยต่อตัวคุณเอง
จริงอยู่ที่เวลารถยางแตกมันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นเร็วจนแทบตั้งสติไม่ทัน แต่หากคุณเข้าใจถึงวิธีรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ในเสี้ยววินาที คุณก็สามารถที่จะบังคับรถและพาตัวเองออกมาจากช่วงเวลาวิกฤตนั้นได้อย่างปลอดภัย ด้วยการทำตามวิธีที่มิชลินจะแนะนำดังต่อไปนี้
1. ตั้งสติให้มั่น
สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องไม่ตกใจและควบคุมสติให้อยู่ ด้วยการสูดหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกช้าๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา
2. จับพวงมาลัยให้แน่น
ประคองพวงมาลัยด้วยสองมือให้มั่นคง พยายามรักษาทิศทางของรถให้ตรงที่สุด อย่าหักพวงมาลัยหรือหมุนพวงมาลัยอย่างรุนแรง
3. ค่อยๆ ถอนคันเร่ง
ห้ามเหยียบเบรกกะทันหัน เพราะอาจทำให้รถเสียการทรงตัวและพลิกคว่ำได้ ให้ค่อยๆ ผ่อนคันเร่งลงอย่างช้าๆ ปล่อยให้รถลดความเร็วลงเอง
4. เปิดไฟฉุกเฉิน
เพื่อให้สัญญาณเตือนแก่รถคันอื่นที่ขับตามหลังมา
5. ประคองรถเข้าข้างทางอย่างช้าๆ
เมื่อรถเริ่มลดความเร็วลงและสามารถควบคุมได้ ให้ค่อยๆ บังคับรถเข้าสู่ไหล่ทางหรือพื้นที่ปลอดภัยที่ห่างจากการจราจร
6. เมื่อรถจอดสนิท
ค่อยๆ ดึงเบรกมือ และนำอุปกรณ์เตือน เช่น ป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง ไปวางในระยะที่เหมาะสม เพื่อเตือนรถคันอื่น และรอความช่วยเหลือหรือลงไปเปลี่ยนยางหากคุณสามารถทำเองได้
ภาพรถบรรทุกกึ่งพ่วงเสียข้างทาง
วิธีป้องกันและลดโอกาสยางระเบิดที่ใครก็สามารถทำได้ตามได้
จริงแล้วๆ การลดความเสี่ยงที่ยางจะระเบิดนั้นไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่ผู้ใช้รถหลายคนคิด เพียงแค่ใส่ใจและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้รถกระบะบรรทุกสินค้า รถตู้โดยสาร หรือผู้ประกอบการขนส่ง ก็สามารถลดความเสี่ยงที่ยางจะระเบิดระหว่างขับขี่ได้ไม่ยาก เพียงทำตามที่เราแนะนำดังนี้
หมั่นบำรุงยางรถยนต์ที่ใช้งานอย่างสม่ำเสมอ
- ตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทใดก็ควรตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือทุกครั้งก่อนออกเดินทางไกลก็จะดีมาก และควรทำขณะที่ยางยังเย็นอยู่ โดยดูค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสมจากคู่มือรถหรือบริเวณขอบประตูฝั่งคนขับ
- สลับยางและตั้งศูนย์ถ่วงล้อตามกำหนด
การสลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือตามคำแนะนำของผู้ผลิต จะช่วยให้ยางมีการสึกหรอที่สม่ำเสมอทั่วทั้งหน้ายาง ลดโอกาสเกิดการสึกหรอผิดปกติ แถมการตั้งศูนย์ถ่วงล้อยังช่วยให้ล้อหมุนได้อย่างสมดุล ลดอาการสั่นและยืด. อายุการใช้งานของยางไปพร้อมกันอีกด้วย
- ตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์เป็นประจำ
ควรหมั่นสังเกตสภาพยางรถที่ใช้งานเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนออกเดินทางทุกครั้งยิ่งดี ด้วยการดูว่าที่ยางมีรอยบาด รอยปูด บวม หรือแตกร้าวบริเวณหน้ายางและแก้มยางบ้างไหม หากพบความผิดปกติควรรีบนำรถไปให้ผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบทันที
ขับขี่อย่างปลอดภัยและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
- หลีกเลี่ยงการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด
คุณไม่ควรบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ รถกระบะ หรือรถบรรทุกที่ใช้ในธุรกิจต่างๆ เพราะน้ำหนักที่มากเกินไปจะทำให้ยางรับภาระหนักกว่าปกติหลายเท่าตัว เรียกว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความร้อน สะสมจนยางระเบิดได้
- หลีกเลี่ยงการขับขี่ด้วยความเร็วสูงเกินไป
การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานาน โดยเฉพาะบนพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ หรือในสภาพอากาศร้อนจัด จะยิ่งเร่งให้ยางเกิดความร้อนสะสมสูงขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการระเบิดของยาง
- ระมัดระวังการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่อันตราย
พยายามหลีกเลี่ยงการขับรถตกหลุมบ่อ การชนขอบฟุตบาท หรือขับทับวัตถุมีคมบนพื้นถนน เพราะอาจทำให้โครงสร้างยางภายในเสียหายและเกิดจุดอ่อนที่นำไปสู่การระเบิดได้
นำเทคโนโลยีมาช่วยลดโอกาสที่ยางจะระเบิด
รถยนต์รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นจะมีระบบตรวจสอบลมยางอัตโนมัติ (TPMS - Tire Pressure Monitoring System) ติดตั้งมาให้จากโรงงาน หรือสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ ระบบนี้จะคอยตรวจจับแรงดันลมยางแบบเรียลไทม์ และแจ้งเตือนผู้ขับขี่ทันทีเมื่อแรงดันลมยางผิดปกติ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาก่อนที่ยางจะเกิดความเสียหายรุนแรงจนนำไปสู่การระเบิดได้
why michelin
เลือกใช้ยางรถบรรทุกและรถโดยสารของมิชลินที่มีความปลอดภัยสูง
รถบรรทุกและรถโดยสารเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ด้วยการใช้งานที่หนักหน่วงและการวิ่งบนเส้นทางที่หลากหลาย ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากปัญหายางระเบิดจึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการขนส่งไม่อาจมองข้ามได้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทั้งผู้ขับขี่ สินค้า และผู้โดยสาร การเลือกใช้ยางรถบรรทุกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างยางมิชลินจึงเป็นคำตอบที่ใช่
ยางมิชลินมีเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะอย่าง MICHELIN InfiniCoil ซึ่งเป็นนวัตกรรมโครงสร้างยางที่ใช้ขดลวดเหล็กแบบต่อเนื่องตลอดหน้ายาง ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและความทนทานให้กับโครงสร้างของยาง ทำให้ยางสามารถรักษารูปทรงและควบคุมอุณหภูมิได้ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในสภาวะการใช้งานที่หนักหน่วงที่สุด และยังมี MICHELIN Powercoil ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของแก้มยางและลดการบิดตัวของยางในขณะขับขี่ ทำให้ยางสามารถรับมือกับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบได้อย่างยอดเยี่ยม
ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง ยางมิชลินจึงไม่ใช่แค่ยางที่ช่วยให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนเกราะป้องกันที่ช่วยปกป้องทุกชีวิตบนท้องถนน ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย อีกทั้งมิชลินยังสนับสนุนการทำธุรกิจโลจิสติกส์สีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นี่คือเหตุผลว่าทำไมยางมิชลินจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจในทุกการเดินทาง