ไปยังคำร้องขอใบเสนอราคาของฉัน 0
Inspection des pneus sur un camion

Background inspection of truck tyres Help and Advice

Inspection des pneus sur un camion

ยางรถยนต์และยางรถบรรทุกระเบิดเกิดจากอะไร มีวิธีป้องกันอย่างไรได้บ้าง

ไม่ว่าคุณจะขับรถกระบะหรือรถตู้คันเก่งไปกับครอบครัวว หรือเป็นคนที่ต้องขับรถบรรทุกไปส่งของยังสถานที่ต่างๆ เมื่อใดที่ยางรถเกิดการระเบิดขึ้นมา นั่นถือว่าอันตรายและอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้ สาเหตุของยางระเบิดไม่ได้เกิดการใช้งานหนักเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยที่หลายคนอาจมองข้ามไป เช่น ไม่ได้ดูแลยาง หรือแรงดันลมยางไม่เหมาะสม การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับตัวคุณ

 

สาเหตุที่ทำให้ยางระเบิดเกิดจากอะไรบ้าง

ใครที่ขับรถเป็นประจำทุกวัน คงเคยพบเห็นเหตุการณ์ยางรถระเบิดต่อหน้าผ่านตามาบ้าง จนหลายครั้งก็ทำให้เผลอคิดเล่นๆ ว่าถ้ารถของเราเกิดยางระเบิดขึ้นมาจะอันตรายแค่ไหน รวมถึงต้องรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไร วันนี้มิชลินจะพาคุณไปทำความเข้าใจให้มากขึ้นเอง
 

3 สาเหตุหลักที่ทำให้ยางระเบิด
 

1. แรงดันลมยางที่ไม่เหมาะสม

เติมลมยางน้อยเกินไป เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดโดยเฉพาะคนทั่วไปที่ขับรถอย่างเดียวและไม่ค่อยได้ตรวจวัดระดับแรงดันลมยาง เพราะว่าเมื่อลมยางอ่อนจะทำให้ยางเสียรูปทรงขณะขับขี่ เกิดการบิดตัวมากเกินไป ทำให้โครงสร้างยางภายในเกิดความร้อนสะสมอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การระเบิดในที่สุด

อัดลมยางมากจนเกินไป เมื่อใดที่ลมยางแข็งเกินกว่าค่าที่เหมาะสมกับรถกระบะหรือรถตุ้คันนั้นๆๆ ก็จะทำให้ยางสัมผัสกับพื้นผิวถนนน้อยลงและไม่สามารถยืดหยุ่นเพื่อรองรับแรงกระแทกได้ดี เมื่อขับขี่บนถนนที่ไม่เรียบหรือตกหลุมอย่างรุนแรง ก็มีโอกาสทำให้ยางถูกกระแทกจนเสี่ยงที่จะระเบิดได้
 

2. บรรทุกเกินกว่าน้ำหนักที่กำหนด

สำหรับผู้ใช้รถทั่วไป การบรรทุกสัมภาระหรือผู้โดยสารเกินจากที่กำหนดจะเพิ่มภาระให้กับยาง จนยางต้องทำงานหนักขึ้นและเกิดความร้อนสะสม ซึ่งอาจทำให้ยางระเบิดได้เช่นกัน นอกจากนี้ หากเจ้าของรถเลือกใช้ยางรถยนต์ที่มีดัชนีรับน้ำหนักบรรทุก (Load Index) ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่ระบุไว้ในคู่มือประจำรถ ก็ถือว่าเป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงที่ยางจะเกิดระเบิดมากขึ้น

สำหรับผู้ประกอบการที่ใช้รถบรรทุก เมื่อใดที่มีการบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด นั่นส่งผลให้ความเสี่ยงที่ยางจะเกิดระเบิดเพิ่มขึ้น เพราะน้ำหนักที่มากขึ้นจะทำให้ยางต้องรับภาระมากกว่าปกติถึง 2-3 เท่า เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ ของยางระเบิดในรถบรรทุก รถบัส หรือแม้แต่รถพ่วงที่ขนส่งสินค้าเป็นจำนวนมาก
 

3. ยางได้รับความเสียหาย

ยางมีรอยบาดหรือรอยปูด ไม่ว่าใครก็คงเลี่ยงการขับขี่บนถนนที่มีเศษแก้ว, หินแหลมคม หรือการชนเข้ากับขอบฟุตบาทได้ยากมาก เพราะอาจทำให้โครงสร้างยางภายในเสียหายและเกิดรอยปูดขึ้นมา จนทำให้ยางระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อนหรือแรงกระแทก

ยางเก่าและเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะยางที่มีอายุการใช้งานนานๆ จะทำให้เนื้อยางแข็ง แห้ง และมีรอยแตกลายงา ส่งผลต่อความสามารถในการยืดหยุ่นที่ลดลงอย่างมาก และไม่สามารถรับแรงกระแทกได้ดีเท่าที่ควร

 

full trailer truck on road

White truck driving on the road lined with deciduous trees with a star shining rays of the sun.

 

หากขับรถแล้วยางแตกขึ้นมาจะมีอาการแบบไหน ควรรับมืออย่างไร

ทันทีที่ยางเกิดระเบิดขึ้นในขณะขับขี่ นั่นอาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้หากผู้ขับขี่ตื่นตระหนกและไม่รู้วิธีรับมือที่ถูกต้อง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการทำความเข้าใจอาการเบื้องต้นและการแก้ไขสถานการณ์อย่างถูกวิธีถึงสำคัญอย่างมาก
 

5 อาการที่บ่งบอกว่ายางรถของคุณกำลังรั่วหรือระเบิด

ลองมาดู 5 อาการที่จะเกิดขึ้นเมื่อยางรถของคุณเกิดการระเบิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่คุณรู้สึกได้จะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งของยางที่ระเบิดและความเร็วที่ขับขี่อยู่ในขณะนั้น
 

เสียงดังผิดปกติ

สิ่งแรกที่มักจะเกิดขึ้นคือเสียงระเบิดดัง "ปัง" หรือ "ฟุบ" อย่างกะทันหัน ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดจากลมยางที่รั่วออกจากยางอย่างรวดเร็ว
 

รถเริ่มเสียการทรงตัว

  • ยางหน้าแตก: รถจะพุ่งไปในทิศทางเดียวกับยางที่แตก พวงมาลัยจะหนักและสะบัดอย่างรุนแรง ทำให้ควบคุมรถได้ยาก

  • ยางหลังแตก: ท้ายรถจะสะบัดไปมา พร้อมกับรู้สึกว่ารถมีอาการยวบและโคลงเคลงคล้ายอาการท้ายปัด

 

พวงมาลัยสั่น

ไม่ว่าจะเป็นยางหน้าหรือยางหลังแตก พวงมาลัยจะเกิดอาการสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด
 

ความเร็วลดลงผิดปกติ

รถจะสูญเสียความเร็วอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะยังเหยียบคันเร่งอยู่ก็ตาม
 

รถเอียง

หากมองจากกระจกข้างหรือกระจกมองหลัง จะเห็นว่ารถเอียงลงไปด้านเดียวกับยางที่ระเบิด

 

Entretien d'un autobus

Background hero image effitires people People transport

Entretien d'un autobus

 

วิธีรับมือเมื่อรถเกิดยางแตกแบบถูกวิธีและปลอดภัยต่อตัวคุณเอง

จริงอยู่ที่เวลารถยางแตกมันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นเร็วจนแทบตั้งสติไม่ทัน แต่หากคุณเข้าใจถึงวิธีรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้ในเสี้ยววินาที คุณก็สามารถที่จะบังคับรถและพาตัวเองออกมาจากช่วงเวลาวิกฤตนั้นได้อย่างปลอดภัย ด้วยการทำตามวิธีที่มิชลินจะแนะนำดังต่อไปนี้

1. ตั้งสติให้มั่น

สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องไม่ตกใจและควบคุมสติให้อยู่ ด้วยการสูดหายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกช้าๆ เพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา

2. จับพวงมาลัยให้แน่น

ประคองพวงมาลัยด้วยสองมือให้มั่นคง พยายามรักษาทิศทางของรถให้ตรงที่สุด อย่าหักพวงมาลัยหรือหมุนพวงมาลัยอย่างรุนแรง

3. ค่อยๆ ถอนคันเร่ง

ห้ามเหยียบเบรกกะทันหัน เพราะอาจทำให้รถเสียการทรงตัวและพลิกคว่ำได้ ให้ค่อยๆ ผ่อนคันเร่งลงอย่างช้าๆ ปล่อยให้รถลดความเร็วลงเอง

4. เปิดไฟฉุกเฉิน

เพื่อให้สัญญาณเตือนแก่รถคันอื่นที่ขับตามหลังมา

5. ประคองรถเข้าข้างทางอย่างช้าๆ

เมื่อรถเริ่มลดความเร็วลงและสามารถควบคุมได้ ให้ค่อยๆ บังคับรถเข้าสู่ไหล่ทางหรือพื้นที่ปลอดภัยที่ห่างจากการจราจร

6. เมื่อรถจอดสนิท

ค่อยๆ ดึงเบรกมือ และนำอุปกรณ์เตือน เช่น ป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง ไปวางในระยะที่เหมาะสม เพื่อเตือนรถคันอื่น และรอความช่วยเหลือหรือลงไปเปลี่ยนยางหากคุณสามารถทำเองได้

 

ภาพรถบรรทุกกึ่งพ่วงเสียข้างทาง

ภาพรถบรรทุกกึ่งพ่วงเสียข้างทาง

 

วิธีป้องกันและลดโอกาสยางระเบิดที่ใครก็สามารถทำได้ตามได้

จริงแล้วๆ การลดความเสี่ยงที่ยางจะระเบิดนั้นไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่ผู้ใช้รถหลายคนคิด เพียงแค่ใส่ใจและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ใช้รถกระบะบรรทุกสินค้า รถตู้โดยสาร หรือผู้ประกอบการขนส่ง ก็สามารถลดความเสี่ยงที่ยางจะระเบิดระหว่างขับขี่ได้ไม่ยาก เพียงทำตามที่เราแนะนำดังนี้
 

หมั่นบำรุงยางรถยนต์ที่ใช้งานอย่างสม่ำเสมอ

  • ตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ
        ไม่ว่าจะเป็นรถประเภทใดก็ควรตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือทุกครั้งก่อนออกเดินทางไกลก็จะดีมาก และควรทำขณะที่ยางยังเย็นอยู่ โดยดูค่าแรงดันลมยางที่เหมาะสมจากคู่มือรถหรือบริเวณขอบประตูฝั่งคนขับ
     
  • สลับยางและตั้งศูนย์ถ่วงล้อตามกำหนด
        การสลับยางทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือตามคำแนะนำของผู้ผลิต จะช่วยให้ยางมีการสึกหรอที่สม่ำเสมอทั่วทั้งหน้ายาง ลดโอกาสเกิดการสึกหรอผิดปกติ แถมการตั้งศูนย์ถ่วงล้อยังช่วยให้ล้อหมุนได้อย่างสมดุล ลดอาการสั่นและยืด.          อายุการใช้งานของยางไปพร้อมกันอีกด้วย
     
  • ตรวจเช็กสภาพยางรถยนต์เป็นประจำ
        ควรหมั่นสังเกตสภาพยางรถที่ใช้งานเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนออกเดินทางทุกครั้งยิ่งดี ด้วยการดูว่าที่ยางมีรอยบาด รอยปูด บวม หรือแตกร้าวบริเวณหน้ายางและแก้มยางบ้างไหม หากพบความผิดปกติควรรีบนำรถไปให้ผู้เชี่ยวชาญ      ตรวจสอบทันที

 

ขับขี่อย่างปลอดภัยและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง

  • หลีกเลี่ยงการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด
        คุณไม่ควรบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไว้ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ รถกระบะ หรือรถบรรทุกที่ใช้ในธุรกิจต่างๆ เพราะน้ำหนักที่มากเกินไปจะทำให้ยางรับภาระหนักกว่าปกติหลายเท่าตัว เรียกว่าเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความร้อน          สะสมจนยางระเบิดได้
     
  • หลีกเลี่ยงการขับขี่ด้วยความเร็วสูงเกินไป
        การขับขี่ด้วยความเร็วสูงเป็นเวลานาน โดยเฉพาะบนพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบ หรือในสภาพอากาศร้อนจัด จะยิ่งเร่งให้ยางเกิดความร้อนสะสมสูงขึ้น ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการระเบิดของยาง
     
  • ระมัดระวังการขับขี่บนพื้นผิวถนนที่อันตราย
        พยายามหลีกเลี่ยงการขับรถตกหลุมบ่อ การชนขอบฟุตบาท หรือขับทับวัตถุมีคมบนพื้นถนน เพราะอาจทำให้โครงสร้างยางภายในเสียหายและเกิดจุดอ่อนที่นำไปสู่การระเบิดได้

 

นำเทคโนโลยีมาช่วยลดโอกาสที่ยางจะระเบิด

รถยนต์รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นจะมีระบบตรวจสอบลมยางอัตโนมัติ (TPMS - Tire Pressure Monitoring System) ติดตั้งมาให้จากโรงงาน หรือสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ ระบบนี้จะคอยตรวจจับแรงดันลมยางแบบเรียลไทม์ และแจ้งเตือนผู้ขับขี่ทันทีเมื่อแรงดันลมยางผิดปกติ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาก่อนที่ยางจะเกิดความเสียหายรุนแรงจนนำไปสู่การระเบิดได้

 

why michelin

 

เลือกใช้ยางรถบรรทุกและรถโดยสารของมิชลินที่มีความปลอดภัยสูง

รถบรรทุกและรถโดยสารเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ด้วยการใช้งานที่หนักหน่วงและการวิ่งบนเส้นทางที่หลากหลาย ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากปัญหายางระเบิดจึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการขนส่งไม่อาจมองข้ามได้ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทั้งผู้ขับขี่ สินค้า และผู้โดยสาร การเลือกใช้ยางรถบรรทุกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างยางมิชลินจึงเป็นคำตอบที่ใช่

ยางมิชลินมีเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะอย่าง MICHELIN InfiniCoil ซึ่งเป็นนวัตกรรมโครงสร้างยางที่ใช้ขดลวดเหล็กแบบต่อเนื่องตลอดหน้ายาง ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งและความทนทานให้กับโครงสร้างของยาง ทำให้ยางสามารถรักษารูปทรงและควบคุมอุณหภูมิได้ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในสภาวะการใช้งานที่หนักหน่วงที่สุด และยังมี MICHELIN Powercoil ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของแก้มยางและลดการบิดตัวของยางในขณะขับขี่ ทำให้ยางสามารถรับมือกับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนนที่ไม่เรียบได้อย่างยอดเยี่ยม

ด้วยความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง ยางมิชลินจึงไม่ใช่แค่ยางที่ช่วยให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้เท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนเกราะป้องกันที่ช่วยปกป้องทุกชีวิตบนท้องถนน ทำให้ผู้ประกอบการขนส่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย อีกทั้งมิชลินยังสนับสนุนการทำธุรกิจโลจิสติกส์สีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นี่คือเหตุผลว่าทำไมยางมิชลินจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจในทุกการเดินทาง

บทความที่น่าสนใจ

คุณใช้เว็บบราวเซอร์ที่ไม่ใช่เวอร์ชั่นปัจจุบัน

เว็บบราวเซอร์ที่คุณใช้ไม่ได้รับการรองรับจากเว็บไซท์นี้ การใช้งานบางอย่างอาจไม่สมบูรณ์

กรุณาติดตั้งเว็บบราวเซอร์เหล่านี้เพื่อประโยชน์การใช้งานสูงสุด

Firefox 78+
Edge 18+
Chrome 72+
Safari 12+
Opera 71+