ไปยังคำร้องขอใบเสนอราคาของฉัน 0
Inspection des pneus sur un camion

Background inspection of truck tyres Help and Advice

Inspection des pneus sur un camion

แรงดันลมยางที่เหมาะกับรถบรรทุก รถกระบะ และรถตู้ขนส่งสินค้า รวมถึงรถบัสควรเติมที่เท่าไร

การบรรทุกสินค้าหรือผู้โดยสารไปส่งยังจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากการเติมลมยางในระดับแรงดันที่ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพการใช้งาน วันนี้เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงวิธีการเติมแรงดันลมยางให้เหมาะสมกับรถบรรทุก รถตู้ขนส่งสินค้า รวมถึงรถบัสที่พาผู้โดยสารไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ว่าที่แต่จริงแล้วคุณควรเติมลมยางที่เท่าไรจึงจะเหมาะสม

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแรงดันลมยางว่าสำคัญอย่างไรกับรถบรรทุกและรถประเภทต่างๆ

PSI (Pounds per Square Inch) คือหน่วยวัดแรงดันลมยางที่ใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกรวมถึงในไทย การเติมลมยางให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้นส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพของรถบรรทุกทุกประเภท  

ในขณะเดียวกัน Bar ก็คือหน่วยวัดแรงดันลม เช่นเดียวกับ PSI (ปอนด์ต่อตารางนิ้ว) และ kPa (กิโลปาสคาล) โดยที่ 1 Bar มีค่าเท่ากับ 14.5038 PSI หรือ 100 kPa  

เพื่อไม่ให้เสียเวลา เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการเติมลมยางรถบรรทุก ที่ต่อจากนี้หมายรวมถึง รถพ่วง รถบรรทุก 6 ล้อ รถบัสโดยสาร รถตู้ และรถกระบะที่ใช้สำหรับการขนส่งสินค้ารวมถึงผู้โดยสาร ว่ามีเรื่องใดบ้าง รวมถึงควรเติมลมยางรถที่เท่าไรกันแน่

 

ขับขี่ได้เต็มประสิทธิภาพ

  • แรงดันลมยางที่เหมาะสมช่วยให้รถบรรทุก รถบัส หรือรถตู้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้น 

  • การสึกหรอของยางจะลดลง และทำให้ยางมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น 

  • ช่วยให้การขับขี่มีความนุ่มนวลและสะดวกสบายมากขึ้นตามความสามารถของยาง

 

ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย

  • การเติมแรงดันลมยางรถบรรทุก รถบัส รถกระบะ หรือรถตู้ให้เหมาะสมกับน้ำหนักบรรทุกหรือความเร็วที่ใช้ ช่วยลดความเสี่ยงที่ยางจะร้อนจัดและเกิดระเบิดจากลมยางที่ต่ำเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบรรทุกน้ำหนักมากหรือขับขี่ด้วยความเร็วสูง

แรงดันลมยางรถบรรทุก รถบัส รถตู้ หรือรถกระบะที่แนะนำและแรงดันลมยางสูงสุดแตกต่างกันอย่างไร

ด้วยความที่ยางรถบรรทุกมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นยางรถบรรทุก 6 ล้อ ยางรถบัสโดยสาร หรือแม้แต่ยางรถตู้บรรทุกสินค้า ซึ่งมีให้เลือกตามประเภทของรถรวมถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งาน การเติมแรงดันลมยางจึงมีความละเอียดแปรผันตามน้ำหนักบรรทุกและความเร็วที่ใช้งาน ต่อจากนี้เราจะอธิบายว่าแรงดันลมยางที่แนะนำและแรงดันลมยางสูงสุดที่ใช้ได้นั้นต่างกันอย่างไร

แรงดันลมยางที่แนะนำคืออะไร

นิยามของแรงดันลมยางที่แนะนำนั้นตรงไปตรงมา เพราะเป็นค่าแรงดันลมยางที่ผู้ผลิตรถบรรทุกหรือผู้ผลิตยางแนะนำให้ผู้ใช้งานเช็กและเติมลมเป็นประจำ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดในการใช้งานทั่วไป โดยค่านี้มักจะระบุไว้ในคู่มือประจำรถหรือบนสติกเกอร์ที่ติดอยู่บริเวณขอบประตูคนขับที่สังเกตเห็นได้ง่าย เช่น ระบุอยู่ในคู่มือรถบรรทุก, แผ่นป้ายบริเวณประตูฝั่งคนขับ, หรือบริเวณเสาหลังคาคู่หน้า เป็นต้น

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงดันลมยางที่แนะนำ

  • เป็นค่าแรงดันลมยางที่ถูกกำหนดโดยผู้ผลิตรถบรรทุก 

  • เมื่อเติมลมยางในระดับที่แนะนำจะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของรถและยางออกมาที่ดีที่สุด 

  • ผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงการยึดเกาะถนน, การควบคุม, อายุยาง, และความนุ่มนวลได้อย่างครบถ้วน 

  • ค่าแรงดันลมยางสูงสุดจะมีระบุไว้ในคู่มือรถ, แผ่นป้ายข้างประตู, หรือบริเวณเสา B-pillar คู่หน้า

 

แรงดันลมยางสูงสุดคืออะไร

ในขณะที่ แรงดันลมยางสูงสุด คือค่าแรงดันลมสูงสุดที่ยางรถบรรทุกเส้นนั้นสามารถรับได้โดยไม่เกิดอันตราย เพราะธรรมชาติของรถบรรทุกจะต้องแบกรับน้ำหนักบรรทุกที่มหาศาลในทุกการเดินทางอยู่แล้ว ดังนั้นค่านี้จึงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าค่าแรงดันลมยางที่แนะนำ ซึ่งค่านี้จะถูกระบุไว้บนแก้มยาง (sidewall) ของยางเส้นนั้นๆ ซึ่งหากผู้ขับขี่รถบรรทุกทำการเติมลมยางเกินกว่าแรงดันลมยางสูงสุดก็อาจทำให้ยางเกิดการระเบิดขึ้นมาได้

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับแรงดันลมยางสูงสุด

 

  • ค่าแรงดันลมสูงสุดที่ยางรับได้โดยไม่เป็นอันตราย ดังนั้นหลีกเลี่ยงการเติมลมยางเกินกว่าค่านี้ 

  • ระบุอยู่บนแก้มยาง ควรตรวจสอบและจดจำไว้ทุกครั้งเมื่อทำการเปลี่ยนยางเส้นใหม่ 

  • การเติมลมเกินค่านี้อาจทำให้ยางระเบิดได้ในระหว่างการขับขี่รถบรรทุกได้

แรงดันลมยางรถบรรทุก รถบัส รถตู้ และรถกระบะลดลงได้จากสาเหตุใดบ้าง

มีหลายคนที่ยังสงสัยว่าทำไมลมยางที่เติมเข้าไปถึงลดระดับเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ หรือไม่ก็ลดลงรวดเร็วในระดับที่ผิดปกติ ด้วยเหตุนี้เราจึงจะมาอธิบายว่ามีสาเหตุใดบ้างที่ทำให้แรงดันลมยางรถบรรทุกประเภทต่างๆ ลดลงดังนี้

การรั่วซึม

  • รอยตำหรือบาด: สิ่งของมีคมบนท้องถนน เช่น ตะปู, สกรู, เศษแก้ว สามารถทิ่มแทงและทำให้ลมยางรั่วซึมออกได้ 

  • ความเสียหายที่แก้มยาง: การกระแทกกับขอบถนนหรือวัตถุอื่นๆ อาจทำให้แก้มยางฉีกขาดและลมรั่ว เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับแผลที่เกิดขึ้นบนยาง 

  • ความเสียหายที่ขอบยาง (Bead Leak): หากขอบยางรถบรรทุกติดตั้งไม่แนบสนิทกับขอบล้อ ก็อาจเกิดการรั่วซึมของแรงดันลมยางได้ 

  • ความเสียหายที่วาล์วลม: วาล์วลมอาจเสื่อมสภาพ, แตกหัก, หรือมีสิ่งสกปรกอุดตัน ทำให้ลมรั่วซึมในที่สุด 

  • การรั่วซึมอย่างช้าๆ (Permeation): แรงดันลมยางสามารถซึมผ่านเนื้อยางออกมาได้ทีละน้อยตามธรรมชาติ 

 

การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ

  • อุณหภูมิที่ลดลง: เมื่ออุณหภูมิภายนอกลดลง ความดันลมในยางจะลดลงตามไปด้วย เนื่องจากอากาศจะหดตัว 

  • อุณหภูมิที่สูงขึ้น: แม้ว่าอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะทำให้ความดันลมยางเพิ่มขึ้น แต่หากสูงเกินไปก็อาจเป็นอันตรายได้ และเมื่ออุณหภูมิลดลงในภายหลัง ความดันลมก็จะลดลงกลับมาปกติ

 

ความเสียหายของล้อ

  • ล้อคดงอหรือแตก: การกระแทกอย่างรุนแรงอาจทำให้ล้อเสียรูปและส่งผลต่อการซีลลมของยาง 

  • สนิมหรือการกัดกร่อนของขอบล้อ: อาจทำให้เกิดช่องว่างระหว่างยางกับล้อและทำให้ลมรั่วซึมได้เช่นกัน

 

การติดตั้งยางที่ไม่ถูกต้อง

  • หากติดตั้งยางไม่สนิทหรือไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการรั่วซึมบริเวณขอบยางได้

 

การบรรทุกน้ำหนักเกิน

  • การบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่ยางกำหนดอาจทำให้เกิดภาระในเรื่องน้ำหนักบรรทุกที่กดลงบนตัวยางมากขึ้น และอาจส่งผลให้ลมยางลดลงได้

 

ระยะเวลาการใช้งาน

  • ยางรถบรรทุกเก่าหรือยางที่ผ่านการใช้งานมานานอาจมีการเสื่อมสภาพ ทำให้กักเก็บลมได้ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นต้องตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจใช้ยางเส้นดังกล่าว

the right pressure

16 เคล็ดลับเกี่ยวกับการเติมลมยางรถบรรทุกสินค้าและรถโดยสารประเภทต่างๆ

เพื่อช่วยให้คุณสามารถขับขี่รถบรรทุกได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกการเดินทาง มิชลินจะแนะนำเคล็ดลับที่น่าสนใจในการเติมแรงดันลมยางรถบรรทุกให้เหมาะสม

1. ต้องตรวจสอบแรงดันลมยางในขณะที่ยางยังเย็นอยู่หรือมีการจอดทิ้งไว้ข้ามคืน แรงดันลมยางจะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้งาน: ห้ามลดแรงดันลมยางในขณะที่ยางยังร้อนอยู่ 

2. ห้ามเติมลมใหม่เข้าไปในยางที่ใช้งานในขณะที่มีลมยางต่ำเกินไป หากยังไม่ได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดทั้งภายในและภายนอก

3. การเติมลมยางต่ำเกินไปอาจส่งผลให้ยางทำงานที่อุณหภูมิสูงผิดปกติ ส่งผลให้ส่วนประกอบของยางเสื่อมสภาพเนื่องจากความร้อน ซึ่งยางที่เสื่อมสภาพแล้วไม่สามารถทำให้กลับมามีสภาพที่สมบูรณ์ดังเดิมได้ และยังส่งผลให้ยางแบนอย่างรวดเร็วอีกด้

4. การเติมลมยางต่ำเกินไปจะส่งผลดังนี้

    4.1 แรงต้านการหมุนที่เพิ่มขึ้นทำให้รถบรรทุกกินน้ำมันมากกว่าเดิม
    4.2 อายุการใช้งานของยางรถบรรทุกลดลง
    4.3 ส่งผลต่อการบังคับควบคุมรถบรรทุกและความปลอดภัย

5. การเติมลมยางมากเกินไปจะส่งผลดังนี้

    5.1 ความปลอดภัยและความสบายในการขับขี่ที่รู้สึกเด้งและสะเทือนมากขึ้น 
    5.2 การยึดเกาะที่ลดลงจากพื้นที่หน้ายางสัมผัสกับถนนน้อยลง 
    5.3 อายุการใช้งานของยางลดลง โดยเฉพาะยางในตำแหน่งเพลาขับ

6. ไม่แนะนำให้ใช้แรงดันลมยางที่มากกว่า 10 Bar (145 PSI) สำหรับการใช้งานบนทางหลวงปกติ

7. แรงดันลมยางบนยางที่เย็นซึ่งต่ำกว่าค่าที่แนะนำมากกว่า 0.6 Bar (8 PSI) จะต้องทำการปรับแรงดันให้เหมาะสมทันที

8. ตรวจสอบแรงดันลมยางรถบรรทุกอย่างสม่ำเสมอ และทำการเติมลมยางด้วยความระมัดระวังทุกครั้ง

9. หากแรงดันลมยางในขณะที่ยางร้อนอยู่ต่ำกว่าค่าแรงดันลมยางที่แนะนำ แนะนำให้คุณถอดยางเส้นนั้นออกมาพร้อมกับทำการตรวจสอบและปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย

10. หากมียางเส้นหนึ่งร้อนกว่ายางเส้นอื่นๆ มาก จะต้องถอดยางเส้นนั้นออกและตรวจสอบโดยปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

11. โดยปกติแล้ว แรงดันลมยางบนเพลาเดียวกันควรจะเท่ากัน

12. ควรตรวจสอบแรงดันลมยางหลังจากติดตั้งยางเส้นใหม่แล้วภายใน 24 ชั่วโมง

13. ยางสำหรับรถบรรทุกที่ใช้งานเชิงพาณิชย์ควรเติมลมให้มีแรงดันลมสัมพันธ์กับน้ำหนักบรรทุก ความเร็ว และสภาพการใช้งาน

14. ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับแรงดันลมยางแสดงอยู่ในตารางการรับน้ำหนัก/แรงดันลมยาง

15. การใช้แรงดันลมยางที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญต่อการใช้งานรถบรรทุกและความปลอดภัย

16. ฝาจุ๊บยางคือซีลปิดผนึกอากาศหลักและต้องติดตั้งเสมอ

image 2020 07 08 15 16 01 011

แรงดันลมยางมีผลอย่างไรต่อระยะทางที่รถวิ่งได้

 

การเติมแรงดันลมยางต่ำกว่า 1.5 Bar (21.7 PSI) จะทำให้สูญเสียระยะทางจากที่ควรจะวิ่งปกติถึง 10% เมื่อเทียบกับการเติมแรงดันลมยางรถบรรทุกตามค่าที่แนะนำไว้

influence

แรงดันลมยางมีผลอย่างไรต่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน

มีการพิสูจน์โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าแรงดันลมยางรถบรรทุกมีผลต่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน การเติมแรงดันลมยางที่ไม่เหมาะสมจะเพิ่มแรงต้านทานการหมุนของยาง และทำให้รถบรรทุกต้องแบกรับภาระในการขับเคลื่อนมากขึ้น ส่งผลให้รถกินน้ำมันมากขึ้นในท้ายที่สุด

การเติมแรงดันลมยางต่ำกว่า 1.5 Bar (21.7 PSI) จะทำให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้น 1%

ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเติมแรงดันลมยางรถบรรทุกที่ 7.5 Bar (109 PSI) ซึ่งไม่ตรงกับค่าแรงดันลมยางที่แนะนำไว้ที่ 9 Bar (130.5 PSI) จะคำนวณออกมาได้ว่ารถมีการเติมลมยางมากเกินไปถึง 17%

fuel consumption

Tips box about tyre pressure check

Picto the right pressure page 75 Help and Advice

Tips box about tyre pressure check

คุณใช้เว็บบราวเซอร์ที่ไม่ใช่เวอร์ชั่นปัจจุบัน

เว็บบราวเซอร์ที่คุณใช้ไม่ได้รับการรองรับจากเว็บไซท์นี้ การใช้งานบางอย่างอาจไม่สมบูรณ์

กรุณาติดตั้งเว็บบราวเซอร์เหล่านี้เพื่อประโยชน์การใช้งานสูงสุด

Firefox 78+
Edge 18+
Chrome 72+
Safari 12+
Opera 71+