ไปยังคำร้องขอใบเสนอราคาของฉัน 0

Edito photo forklift in action Agriculture

รถโฟล์คลิฟท์หรือรถยกของในโรงงาน มีกี่ประเภท? ไขข้อข้องใจทุกรูปแบบการใช้งาน

การเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์ (forklit) หรือที่หลายคนมักเรียกกันว่ารถยกของในโรงงานให้เหมาะสมกับลักษณะงานและสภาพแวดล้อม เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มความปลอดภัย ในบทความนี้ มิชลินจะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าแท้จริงแล้วโฟล์คลิฟท์มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง

รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) คืออะไร

รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) หรือที่รู้จักกันในชื่อ รถยก หรือ รถยกของในโรงงาน คือยานพาหนะที่ใช้ในการยก ขนย้าย และจัดเรียงสินค้าหรือวัสดุที่มีน้ำหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นพาเลตต์สินค้า กล่อง หรือวัตถุขนาดใหญ่ต่างๆ ภายในคลังสินค้า โรงงาน ลานจอดสินค้า ท่าเรือ หรือศูนย์กระจายสินค้า โฟล์คลิฟท์ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดการใช้แรงงานคน และลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการยกของหนักด้วยมือ

หัวใจหลักของรถโฟล์คลิฟท์คือส่วนที่เรียกว่า "งา" (Fork) ซึ่งเป็นเหล็กสองซี่ที่ยื่นออกมาด้านหน้าสำหรับสอดใต้พาเลตต์หรือสินค้าเพื่อทำการยก โดยตัวรถมีระบบไฮดรอลิกที่สามารถยกงาขึ้นลงได้ และสามารถเอียงตัวเสาเพื่อความมั่นคงในการยกสิ่งของ นั่นทำให้รถโฟล์คลิฟท์มีบทบาทสำคัญอย่างมากในภาคอุตสาหกรรมขนส่ง การผลิต และคลังสินค้า ช่วยให้การบริหารจัดการพื้นที่และการเคลื่อนย้ายสินค้าเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

รถโฟล์คลิฟท์มีส่วนประกอบอะไรบ้าง

รถโฟล์คลิฟท์แม้จะมีหลายประเภท แต่โดยพื้นฐานแล้วมีส่วนประกอบหลักที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้สามารถยกและเคลื่อนย้ายสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนประกอบสำคัญที่เราควรรู้จักมีดังนี้

  • งา (Forks): เป็นเหล็กสองซี่ที่ยื่นออกมาด้านหน้า ใช้สำหรับสอดเข้าใต้พาเลตต์หรือสินค้าเพื่อทำการยก เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการสัมผัสกับโหลดโดยตรง
  • ชุดกระบอกยกและชุดกระบอกเอียง (Mast and Tilt Cylinders): เสาแนวตั้งที่ติดตั้งงาเข้าไว้ด้วยกัน มีระบบกระบอกไฮดรอลิกที่ทำหน้าที่ยกงาขึ้น-ลง และเอียงเสาไปหน้า-หลัง เพื่อความมั่นคงในการบรรทุกและจัดเรียงสินค้า
  • โครงกันหลังคา (Overhead Guard): โครงสร้างเหล็กที่อยู่เหนือศีรษะของผู้ขับขี่ ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายจากสิ่งของที่อาจตกลงมาจากที่สูง
  • ชุดขับเคลื่อนและชุดควบคุม (Chassis and Controls):
    • ตัวถัง (Chassis): โครงสร้างหลักของรถที่รองรับน้ำหนักและส่วนประกอบอื่นๆ
    • เครื่องยนต์/มอเตอร์ไฟฟ้า (Engine/Electric Motor): แหล่งพลังงานหลักสำหรับขับเคลื่อนรถและระบบไฮดรอลิก
    • ห้องโดยสาร/ที่นั่งผู้ขับขี่ (Operator Compartment/Seat): พื้นที่สำหรับผู้ขับขี่พร้อมอุปกรณ์ควบคุม เช่น พวงมาลัย คันโยกควบคุมงา แป้นเหยียบ และมาตรวัดต่างๆ
  • ยางรถโฟล์คลิฟท์ (Forklift Tires): เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการยึดเกาะถนนและรับน้ำหนัก มียางหลายประเภทให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นผิวและลักษณะการใช้งาน เช่น ยางลม ยางตัน หรือยางโพลียูรีเทน โดย MICHELIN เรามียางรุ่นต่างๆ ที่ออกแบบมาสำหรับใช้กับรถโฟล์คลิฟท์โดยเฉพาะให้ธุรกิจต่างๆ ได้เลือกใช้ เช่น ยางมิชลินรุ่น XZM

 

 

รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) มีกี่ประเภทกันแน่?

สำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานรถโฟล์คลิฟท์เป็นประจำ ก็คงแยกไม่ออกว่าจริงๆ แล้วรถโฟล์คลิฟท์นั้นมีรูปแบบที่แตกต่างกี่ประเภท เพื่อให้คุณเข้าใจมากขึ้น เราจะพาคุณไปดูถึงวิธีจำแนกประเภทของรถโฟล์คลิฟท์ที่มีอยู่ในปัจจุบันแบบง่ายๆ เอง

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift)

สำหรับรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า คือรถยกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ ซึ่งแตกต่างจากรถโฟล์คลิฟท์ที่ใช้น้ำมันหรือแก๊สตรงที่ไม่ปล่อยไอเสียออกมาเลย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ต้องการความสะอาดและลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศโดยรอบ เช่น ในอาคาร คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า โรงงานผลิตอาหาร หรืออุตสาหกรรมยา นอกจากนี้ ยังมีระดับเสียงรบกวนที่ต่ำกว่ามาก จึงเหมาะกับสถานที่ที่มีพนักงานทำงานอยู่ใกล้เคียง ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้ายังมีความคล่องตัวสูง และบำรุงรักษาง่ายกว่า เนื่องจากมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงต่ำลงในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การใช้งานจะต้องมีการวางแผนเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่ให้เหมาะสม เพื่อให้รถสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ช่วยให้ชาร์จได้เร็วขึ้นและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ทำให้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รถโฟล์คลิฟท์น้ำมัน/แก๊ส (Internal Combustion Engine Forklift)

รถโฟล์คลิฟท์น้ำมัน/แก๊ส หรือที่รู้จักกันในชื่อ Internal Combustion Engine (ICE) โฟล์คลิฟท์ คือรถยกที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยมีเชื้อเพลิงหลักเป็นน้ำมันดีเซล แก๊ส LPG หรือน้ำมันเบนซิน รถประเภทนี้โดดเด่นในเรื่องของพละกำลังและความทนทานสูง ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับ งานหนัก ที่ต้องการแรงยกมากและใช้งานต่อเนื่องยาวนาน เช่น รถยกตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ การขนย้ายวัสดุก่อสร้าง การทำงานในลานกว้างกลางแจ้ง หรือในสภาพแวดล้อมที่อาจมีพื้นผิวไม่ได้เรียบ

ด้วยการเติมเชื้อเพลิงที่รวดเร็วและง่ายดาย ทำให้รถโฟล์คลิฟท์ประเภทนี้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องหยุดพักเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ จึงเหมาะสำหรับการใช้งานระยะยาว หรือการทำงานตลอดทั้งกะ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการปล่อยไอเสียและมีเสียงดังกว่ารถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า จึงมักนิยมใช้ในพื้นที่เปิดโล่ง หรือบริเวณที่มีการระบายอากาศที่ดี เพื่อให้มั่นใจถึงความปลอดภัยและสุขอนามัยของพนักงาน

 

MICHELIN XZM: forklift tyre

MICHELIN forklift tyres

รถโฟล์คลิฟท์ยอดนิยม 4 แบบที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณ

การเลือกรถโฟล์คลิฟท์หรือรถยกของในโรงงานให้ถูกประเภทเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการคลังสินค้าหรือโรงงานของคุณ โดยรถโฟล์คลิฟท์ แต่ละแบบถูกออกแบบมาเพื่อรองรับลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน ลองมาดู 4 ประเภทหลักที่นิยมใช้ในโรงงานคลังสินค้า หรือธุรกิจต่างๆ ดังนี้

  • Reach Truck (รีชทรัค) เหมาะสำหรับคลังสินค้าที่มีพื้นที่จำกัด และต้องการยกสูง

         นี่เป็นรถโฟล์คลิฟท์ที่โดดเด่นเรื่องการทำงานในพื้นที่แคบ โดยเฉพาะในคลังสินค้าที่มีชั้นวางสูงและทางเดินระหว่างชั้นแคบ งาของรีชทรัคสามารถยื่นออกไปข้างหน้าเพื่อหยิบหรือวางสินค้าบนชั้นวางสูงๆ ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ใช้พื้นที่               แนวตั้งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคลังสินค้าที่มีพื้นที่จำกัดแต่ต้องการจัดเก็บสินค้าในแนวสูง 

  • Pallet Truck (แฮนด์ลิฟท์ไฟฟ้า/รถลากพาเลตต์) สำหรับการเคลื่อนย้ายพาเลตต์ในระยะใกล้

         หลายคนรู้จักรถโฟล์คลิฟท์ประเภทนี้ในชื่อแฮนด์ลิฟท์ไฟฟ้า หรือรถลากพาเลตต์ เป็นรถโฟล์คลิฟท์ขนาดเล็กที่ใช้สำหรับเคลื่อนย้ายพาเลตต์สินค้าในระยะใกล้ๆ บนพื้นราบ เหมาะสำหรับการขนถ่ายสินค้าจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง                     ภายในพื้นที่เดียวกัน เช่น การขนสินค้าจากรถบรรทุกเข้าคลังสินค้า หรือเคลื่อนย้ายภายในสายการผลิต แม้ว่าจะยกสูงไม่ได้มากเท่ารถประเภทอื่น แต่ก็มีความคล่องตัวสูงและใช้งานง่าย ทำให้เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นในเกือบทุก                   โรงงาน

  • Order Picker (ออร์เดอร์ พิกเกอร์) ช่วยให้พนักงานหยิบสินค้าจากชั้นวางสูงได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว

         รถประเภทนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะคือการหยิบสินค้าแต่ละชิ้น หรือหลายชิ้นจากชั้นวางสูงๆ แทนที่จะยกพาเลตต์ทั้งอัน ตัวรถมีแพลตฟอร์มที่สามารถยกตัวพนักงานขึ้นไปพร้อมกับสินค้าได้ ทำให้พนักงานสามารถเข้า           ถึงและหยิบสินค้าจากชั้นวางที่อยู่สูงได้อย่างปลอดภัยและรวดเร็ว จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคลังสินค้าที่มีการจัดการสต็อกแบบชิ้นเล็กชิ้นน้อย และต้องการความแม่นยำในการหยิบสินค้า

  • Turret Truck (เทอร์เร็ต ทรัค) ยกสูงได้มากที่สุด เหมาะสำหรับคลังสินค้าอัตโนมัติ

         นี่คือสุดยอดรถโฟล์คลิฟท์สำหรับการจัดเก็บสินค้าในแนวดิ่ง สามารถยกสินค้าได้สูงกว่ารถโฟล์คลิฟท์ประเภทอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด งาของเทอร์เร็ตทรัคสามารถหมุนได้ 180 องศาโดยที่ตัวรถไม่ต้องหมุน ทำให้สามารถหยิบหรือวางสินค้า          ในทางเดินแคบๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นิยมใช้ในคลังสินค้าอัตโนมัติ (Automated Warehouse) หรือคลังสินค้าที่มีความสูงมากเป็นพิเศษ เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้ได้มากที่สุด และลดต้นทุนการก่อสร้างคลังสินค้าในแนวนอน

 

ยางรถโฟล์คลิฟท์ที่ดีควรมีอะไรคุณสมบัติใดบ้าง

การเลือกยางรถโฟล์คลิฟท์ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประสิทธิภาพการทำงาน ความปลอดภัย และต้นทุนการดำเนินงานของธุรกิจคุณ ยางรถโฟล์คลิฟท์ที่ดีไม่เพียงแค่ต้องรับน้ำหนักได้เท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติสำคัญอื่นๆ ที่ควรพิจารณา

1. การยึดเกาะที่ดีเยี่ยม: ยางสำหรับรถโฟล์คลิฟท์ที่ดีควรมีการยึดเกาะกับพื้นผิวได้ดีเยี่ยม ทั้งบนพื้นแห้งและพื้นเปียก เพื่อป้องกันการลื่นไถลขณะยกหรือขนย้ายสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องทำงานในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

2. ความทนทานต่อการสึกหรอ: ยางรถโฟล์คลิฟท์ต้องเผชิญกับการเสียดสีและแรงกดดันสูงตลอดเวลา คุณสมบัติที่ทนทานต่อการสึกหรอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานยาง ลดความถี่ในการเปลี่ยนยาง และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

3. ความสามารถในการรับน้ำหนัก: ยางต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับน้ำหนักของรถโฟล์คลิฟท์และน้ำหนักของสินค้าที่ยกได้อย่างปลอดภัย โดยไม่เกิดการเสียรูปหรือเสียหายระหว่างการงาน

4. ความเสถียร: ยางที่ดีจะช่วยเพิ่มความมั่นคงและเสถียรภาพให้กับรถโฟล์คลิฟท์ขณะเลี้ยว หรือยกสินค้าในที่สูง ช่วยลดความเสี่ยงในการพลิกคว่ำและเพิ่มความปลอดภัยในการทำงาน

5. ลดแรงสั่นสะเทือน: ยางรถโฟล์คลิฟท์บางประเภทมีคุณสมบัติช่วยลดแรงสั่นสะเทือน ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกสบายขึ้น ลดความเมื่อยล้า และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้งวัน

 

MICHELIN XZM

MICHELIN XZM

ทุกการยกล้วนช่วยลดมลภาวะได้อีกทางหนึ่ง เพียงเลือกใช้ยางรถโฟล์คลิฟท์ของ MICHELIN

ในยุคที่ความยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ รถโฟล์คลิฟท์ในโรงงานของคุณก็สามารถมีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อโลกได้เช่นกัน นอกเหนือจากการเลือกใช้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าหรือการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่เสมอแล้ว ยางรถโฟล์คลิฟท์ที่คุณเลือกใช้ก็มีบทบาทสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเลือกใช้ยางจาก MICHELIN ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นมากกว่าแค่ยางที่รับน้ำหนักทั่วไป

 

ยางรถโฟล์คลิฟท์ MICHELIN ทนทาน ใช้งานได้นาน ลดการเปลี่ยนยางบ่อย เพื่อโลกที่ดีกว่า

ยางรถโฟล์คลิฟท์ของ MICHELIN ไม่เพียงแค่ถูกออกแบบมาเพื่อสมรรถนะการยึดเกาะและการรับน้ำหนักที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่เน้นเรื่องของความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน

  • ลดปริมาณขยะยางเก่าที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: เมื่อยางมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ก็หมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนยางบ่อยครั้ง การลดความถี่ในการเปลี่ยนยางโดยตรงก็คือการลดปริมาณขยะจากยางเก่าที่ต้องนำไปกำจัด ซึ่งเป็นภาระหนักสำหรับสิ่งแวดล้อม
  • ลดการใช้ทรัพยากรใหม่: การที่ยางมีความทนทาน ทำให้ความต้องการในการผลิตยางเส้นใหม่ลดลงไปด้วย ส่งผลให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใหม่ๆ น้อยลง ไม่ว่าจะเป็นยางธรรมชาติ หรือวัตถุดิบอื่นๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตยาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแบบยั่งยืน: ยาง MICHELIN ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ยาวนานและรักษาประสิทธิภาพการทำงานได้ดีตลอดอายุการใช้งาน ไม่เพียงช่วยให้การดำเนินงานของคุณราบรื่นและประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและเปลี่ยนยางเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจต่อโลก ทุกการยกของด้วยรถโฟล์คลิฟท์ที่ใช้ยาง MICHELIN จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การทำงาน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการลดภาระให้กับโลกของเราได้อีกทางหนึ่งอย่างแท้จริง

 

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ยางรถโฟล์คลิฟท์จากมิชลิน ถึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ประกอบการที่มุ่งลดต้นทุนการดำเนินงาน เพิ่มความปลอดภัยทั้งต่อผู้ปฏิบัติงานและผู้ขับขี่ รวมถึงใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ไม่เพียงเท่านี้ ยางมิชลินจะช่วยให้รถโฟล์คลิฟท์ของคุณทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาในระยะยาวอีกด้วย มั่นใจได้ว่าทุกการลงทุนกับยางมิชลิน คือการลงทุนที่คุ้มค่าและยั่งยืนสำหรับธุรกิจของคุณ

หากคุณอยากรู้ว่าทำไมการเลือกใช้ยางรถโฟล์คลิฟท์ของ MICHELIN ถึงสามารถช่วยรักษาสภาพแวดล้อมและเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตอย่างยั่งยืน สามารถอ่านเพิ่มเติมถึงเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังยางมิชลินทุกเส้นได้ที่นี่

คุณใช้เว็บบราวเซอร์ที่ไม่ใช่เวอร์ชั่นปัจจุบัน

เว็บบราวเซอร์ที่คุณใช้ไม่ได้รับการรองรับจากเว็บไซท์นี้ การใช้งานบางอย่างอาจไม่สมบูรณ์

กรุณาติดตั้งเว็บบราวเซอร์เหล่านี้เพื่อประโยชน์การใช้งานสูงสุด

Firefox 78+
Edge 18+
Chrome 72+
Safari 12+
Opera 71+